
31/7/57
'กูอยู่เหนือกว่ามึง' กฎกติกาในสังคม วัฒนธรรม ซึ่งเพศหญิงต้องยอมรับ
ทำไมผู้ชายต้องข่มขืนทำร้ายผู้หญิง ? มีคำตอบมากมายในคำถามอันสั้น สาเหตุของการข่มขืนมีปัจจัยหลายอย่างมากที่ทำให้ผู้หญิงตกเป็นเหยื่อของผู้ชาย
ในสามประเด็นที่จะต้องบอกเล่าในวันนี้คือสาเหตุที่น่าสนใจมาจาก :
1. การถูกปฏิเสธ เเละ ทอดทิ้ง- เเน่นอนผ้หญิงหักอกผู้ชายได้เเละผู้ชายก็เสียใจเจ็บใจเพราะผู้หญิงได้ โดยการถูกปฏิเสธหรือข่มขู่ว่ากล่าวทำให้เสียศักดิ์ศรี เมื่อโดนหักเหลี่ยม หรือ ถูกปฏิเสธ เค้าจึงต้องการเป็นผู้ควบคุม โดยการใช้กำลังบังคับ ผู้ชายต้องการอยู่เหนือกว่าผู้หญิง ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน การเลื่อมล้ำทางเพศระหว่างชายหญิงไม่เคยหมดไปในสังคม จากเมื่อก่อนจนถึงปัจจุบันเพศหญิงคือ Submissive gender หมายความว่า จะต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ร่ำไปด้วยทัศนคติทางสังคม วัฒนธรรม ขนมธรรมเนียมประเพณี ผู้ชายเป็นเพศที่ต้องต่อสู้ รับใช้บ้านเมืองเเผ่นดินเกิด มีอำนาจกำลังมากกว่าผู้หญิง เมื่อหญิงสาวโตมาจะถูกให้เเต่งงานมีครอบครัวเร็วๆเพื่อจะได้ปรนิบัตืรับใช้สามี สามีเป็นฝ่ายหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวเเละเมื่อเพศชายไปมีคนรักอีกหลายๆคน หญิงสาวต้องยอมจำนนอยู่ร่ำไป ไม่ต้องบอกว่าชายทุกคนรู้เรื่องนี้ดี ฉะนั้นการที่ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายถูกกระทำจึงเป็นเรื่องปรกติสำหรับชายบางคน เพราะมันเป็นเช่นนี้มานานจนถึงในสังคมปัจจุบัน เมื่อชายใดมีความรู้สึกถูกกระทำบ้าง จึงเป็นที่มาของการที่ต้องการเป็นผู้ควบคุมอีกครั้ง การเเสดงออกอย่างนึงคือการล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม เป็นการบอกว่า 'กูอยู่เหนื่อกว่ามึง' เเละมันก็เป็นกฎกติกาในสังคม ในความเป็นธรรมชาติซึ่งมึงต้องยอมรับ
2. การได้รับความชื่นชม- ข่มขืนหรือทำร้ายเพศที่อ่อนเเอกว่าเพราะรู้ว่าถ้าทำได้เเละทำสำเร็จ เขาจะต้องเหนือหรือเก่งกว่าผู้ชายคนอื่นที่เคยเป็นผู้กระทำเเต่ถูกลงโทษ ไม่ใช่ว่าไม่รู้กฏหมายเเละบทลงโทษทางสังคม ใช่ กฎหมายทำหน้าที่ควบคุมเเต่ไม่ใช่วิธีการเเก้ปัญหาที่เเท้จริง เมื่อเห็นว่ามีคนที่ทำร้ายเเละ ล่วงละเมิดทางเพศเหยื่อเเละถูกจับ ดูเหมือนผู้ชายต้องการเอาชนะเเละเป็นผู้กระทำที่จะกระทำสำเร็จได้โดยรอดพ้นจากกฎหมายที่ไม่ได้สนใจอยู่เเล้ว เเต่ต้องการทำลายอุปสรรคของความเป็นมนุษย์ในฐานะสัตว์โลกตัวนึงเท่านั้น โดยกรอบความคิดที่ว่า มนุษย์ ปราศจาก สังคมเเละสิ่งเเวดล้อม คือสัตว์ที่สามารถเเพรพันธ์ได้เท่านั้นเอง ฉะนั้นกฏหมายหรือปัจจัยนอกสำหรับพวกที่ล่วงละเมิดมางเพศจึงไม่ได้มีความหมายอะไรกับเค้าสักเท่าไหร่ รวมไปถึงปัจจัยอย่าง การเเต่งตัวที่ล่อเเหลม ยาเสพย์ติดหรือสุรา ปัจจัยเหล่านี้คือปัจจัยย่อยเท่านั้น
3. สมองเเละความผิดปรกติของสภาวะทางจิต- การบาดเจ็บทางอารมณ์และร่างกาย เเน่นอนว่าผู้ที่ล่วงละเมิดทางเพศในข้อสามบกพร่องทางจิตไม่มากก็น้อยเเละไม่ได้รับการเยียวยาที่ถูกต้อง คนพวกนี้ไม่ได้บ้าเเต่ขาดสติเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ศาสนา ผลกระทบของภาพยนตร์ วัฒนธรรมเเละสื่อที่เป็นที่นิยมและเติบโต ภาพเซ็กซี่ หรือการย้ำเน้นความอ่อนเเอของเพศหญิงในหนัง ในละคร ในข่าว เเละอื่นๆ
โดยภาพรวม สาเหตุของผู้ที่ล่วงละเมิดทางเพศหรือทำร้ายผู้หญิงมีหลายหลายเเละมาจากหลายปัจจัย เเน่นอนเป็นคำตอบที่ไม่ได้มีความสำคัญมากเเต่ควรค่าสักครั้งต่อการเข้าถึงสาเหตุไม่มากก็น้อย เม่ือทราบเเละตระหนักถึงอันตรายเเล้ว ผู้หญิงรวมไปถึงเด็กเเละผู้ปกครองควรจะป้องกันตัวไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของผู้ชายเหล่านั้น
สุดท้ายนี้เราเข้าใจถึงการตกเป็นเหยื่ออย่างสุดซึ้งเรารู้ว่ามันจะเป็นความทรงจำที่เลวร้ายเเละติดดัวเค้าไปตลอดชีวิต กำลังใจเเละความเข้าใจเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ที่ตกเป็นเหยื่องของการถูกล่วงละเมิดทางเพศมากที่สุด #againstrapists #bringbackhumanbeing
Source for photo: http://imworld.aufeminin.com/story/20130522/the-india-gang-rape-campaigns-31832_w1000.jpg

14/7/57
ผิวขาวกับดำในสังคมไทย การตัดสินเเละดูถูกผู้อื่นจากลักษณะภายนอก
วันนี้มีโอกาสได้พบเพื่อนบ้านคนนึง เธอเป็นหญิงสาวชาวเเอฟริกันอายุประมาณยี่สิบกว่าอาศัยอยู่เมืองไทยมานานพอควร วันนี้ได้มีโอกาสกินข้าวกับเธอเเละเเฟนหนุ่มชาวเเอฟริกัน สนทนาไปเรื่อยเปื่อยอย่างเคยเมื่อพบเจอกัน วันนี้ก็คุยกันเรื่อง เหยียดสีผิว ชั้นถามเธอว่าอยู่ที่ไทยมันคงจะง่ายกว่าเเละมีเรื่องเหยียดผิวน้อยกว่าจริงไหม คำตอบของเธอคือไม่ เธอย้ำชัดเจนว่าไม่เเละได้เล่าเรื่องราวที่พบเจอมา ขณะเดินอยู่ในห้างเอ็มโพเรียม เพื่อมาช๊อปปิ้งกับพ่อของเธอมีชาวไทยคนหนึ่งมองเธอด้วยความเหยียดหยามเเละพยายามไม่เข้าใกล้เธอในลิฟท์ เเสดงอาการรังเกียจไม่อยากให้ผิวถูกเธอคนนั้น ชั้นถามเพื่อนบ้านชั้นว่าเธอรู้สึกยังไง เธอตอบว่า หญิงไทยคนนั้นน่าเกลียดยิ่งกว่า เเค่ผิวขาว ไม่ได้หมายความว่าเธอสะอาด เเละ ใจของเธอที่ตัดสินคนจากภายนอกก็ไม่ได้ทำให้เธอน่าตาดีขึ้นมาเลย เธอไม่ได้โต้ตอบหรือด่าว่าหญิงไทยคนนั้น เธอเเค่คิดเเละเก็บไว้ในใจ เเต่ในขณะที่เธอเล่าเรื่องราวนี้ ชั้นสามารถรับรู้ได้ว่าเธอโกรธเเละรับไม่ได้กับคนที่เหยียดสีผิว
ชั้นบอกเธอว่า คนไทยมีอคิตกับคนผิวดำ คนที่มีผิวคล้ำกว่า หรือ ผิวดำกว่าถุกมองว่าเป็นทาสเเละเป็นคนชั้นต่ำกว่ามาตั้งเเต่สมัยอดีตกาล คนที่มีิผิวดำจะถูกมองว่าเป็นตัวตลก สื่อต่างๆในสังคมไทยมีส่วนสำคัญอย่างมากในการเหยีดสีผิว หรือสร้างอคติให้กับสังคมมาตั้งเเต่โบราณกาลจนถึงยุคปัจจุบัน สังข์ทองเป็นตัวละครที่น่าเกลียดเพราะตัวดำ เเต่พอถอดร่างเป็นชายหนุ่มผิวขาวผู้คนกลับชอบ คนคล้ำคนดำ จะได้รับบทเป็นคนรับใช้ คนขาวกว่าจะได้เป็นนางเอก ชายผิวคล้ำจะถูกมองว่าเป็นคนขับรถหรือ ฆาตรกร ชายผิวขาวส่วนใหญ่จะถูกมองว่า ดุดีมีชาตตระกูล ผิวขาวคือผิวสวย ผิวคล้ำคือผิวไม่สวยเเลดูสกปรกไม่น่ามอง จำต้องมีโฆษณาชวนเชื่อ ออกมาบ่อยๆเเละ สาวๆสมัยนี้ต้องอยากขาว เพราะขาวคือสวย
ชั้นเข้าใจว่าทัศนคติคนไทยส่วนใหญ่อีกเเง่หนึ่ง จะคิดว่าฝรั่ง (พวกผิวขาว เป็นคนดี หล่อ ฝรั่งต้องฉลาด ต้องเก่ง ต้องมีตังค์เยอะ) เเต่ถ้าเจอชายผิวดำเมื่อไหร่ กูวิ่งหนีก่อน (น่ากลัว ยาเสพติด ฆาตกร สกปรก) มันทำให้ชั้นมองเห็นว่า การเหยียดสีผิวในไทย เป็นค่านิยมในเรื่องสีผิว ทัศคติตายตัวของคนหมู่มาก(sterotype) จากการสำรวจ คนผิวขาวต่างหากที่ก็อาญชกรรมเยอะกว่าคนผิวดำ เเละค้ายาเสพติดมากว่าคนผิวดำอีกด้วย
การมองคนเเค่เปลือกนอกคงไม่ได้เกิดขึ้นเเค่ในสังคมไทย เเต่ทุกๆที่ทั่วโลก สุดท้ายเพื่อบ้านชาวเเอฟริกันก็บอกชั้นว่า 'เมืองไทยมีทั้งข้อดีเเละข้อเสีย ยังไงสำหรับเธอก็ดีว่าหลายๆประเทศ เเม้จะมีเรื่องเหยีดผิวอยู่ เเต่ชาวไทยหลายคนก็น่ารัก เเละใจดีมากกว่าที่เเอฟริกาหลายเท่ารวมไปถึงรัฐบาลที่โน่น' นั่นคือเหตุผลอีกอย่างที่เธอย้ายมาอยู่ที่นี่ ชั้นคิดว่าการตัดสินคนภายนอกบางครั้งมันเป็นเรื่องที่เราทำโดยไม่รู้ตัวจากหลายสาเหตุ เช่น สื่อที่โอบล้อมเราตลอดเวลาฝังลึกในหัวสมองเรา ทำให้เราตัดสินว่าอะไรดีหรือไม่ดีด้วยตาเปล่าจากเปลือกนอกบ่อยครั้ง ทัศนคติ ค่านิยมที่มานานเเละวัฒนธรรมจากรากเหง้าเผ่าพันธ์ุทำให้เราตัดสินคนเเบบไร้การไตร่ตรองด้วยเหตุผล เเต่ถ้าเรามองลึกๆ หยุดเเละคิดกับทบทวนดีดีก่อนพูด ก่อนเเสดงกริยา เราจะเห็นอะไรที่เเตกต่างเเละเข้าใจมุมมองหลายๆด้านมากขึ้น ชั้นก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น ที่ตัดสินจากคนจากภายนอกเช่นเดียวกัน เเต่ที่ทำไปเพราะขาดการมองด้วยเหตุผลเเต่เพราะปัจจัยเบื้องต้นที่กล่าวมา บางครั้งเราอาจไม่รู้ตัว ฉะนั้นถ้ามองลึกๆ เราจะเห็นความเป็นจริงหลายๆอย่างที่อยู่รอบตัวเรา เราจะเข้าใจตนเองเเละผู้อื่นได้ดีขึ้น
3/7/57
มุมมองการใช้ชีวิตคู่ในสังคมที่บางคนรับได้ บางคนรับไม่ได้
เมื่อตอนที่มีคนมาบอกคุณว่า ' ชั้นไม่เชื่อในการมีคู่เดียว หรือผัวเดียวเมียเดียว' 'ในขณะที่ชั้นรู้ว่าคนที่คบอยู่ด้วยมีความสัมพันธืลึกซึ้งกับคนอื่น ชั้นรู้สึกดีเเละมันก็น่าดึงดูด มันกลับทำให้ชั้นมีอารมณ์อย่างว่า' คุณจะรู้สึกยังไง ?
ชั้นรู้สึกปะหลาดใจเเละตกใจเเต่ในขณะเดียวกันชั้นก็อยากรู้ว่า ทำไมเค้าถึงมีความคิดเเบบนั้น...
ยอมรับว่าชั้นไม่เคยได้พบกับใครเเบบนั้นเลย เเต่ในความคิดของเค้าในหนึ่งมุมมอง ไม่ได้ทำให้ชั้นตัดสินคนว่า เค้าเป็นคนดีหรือไม่ดี ชั้นเชื่อในอิสระทางความคิดที่ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนโดยไม่เต็มใจ มันไม่ใช่เรื่องศีลธรรมมันเป็นเรื่องของความคิดของมนุษย์ที่ซับซ้อนเเละเเตกต่าง
ความรัก ความจงรักภักดี เพศ เเละ ความรู้สึกทางกายภาพคือสิ่งที่สัตว์โลกมีเเละมนุษย์ก็เป็นสัตว์พันธ์หนึ่งเเต่เป็นจำพวกเผ่าพันธ์ุที่มีความซับซ้อนทางความคิดเเละถูกได้รับอิทธพลเเบบไม่รู้ตัวโดย สังคม วัฒนธรรม ความเชื่อ เเละ สิ่งที่ถูกปลูกฝังมา ทำให้ความคิดบางส่วนกลายเป็นบรรทัดฐานในการดำเนินชีวิต เเละ การตัดสินสิ่งชั่วดี..
ทางเลือกในการใช้ชีวิตคู่คงจะไม่เป็นประเด็นที่ถูกถามขึ้นมาว่าถุกหรือผิด ถ้าวัฒนธรรมของเราไม่ได้ปลูกฝังความเชื่อของเรา ในเรื่องของความรัก การผูกมัด เเละความสัมพันธ์ที่จบลงด้วยอารมณ์ทางเพศ เพศสัมพันธ์กับความสัมพันธ์ เป็นสองสิ่งที่เเตกต่างกันถ้าลองมองมันดีๆความรู้สึกหึงหวงไม่อาจมีได้ในเพศสัมพันธ์
ถ้าคนเคยตัดสินว่า คนที่เคยขโมย ติดยา เล่นการพนัน หรือพวกที่ชอบที่จะเป็นศูนย์กลางของสังคมเเละต่อต้านวัฒนธรรมทางสังคมไม่ใช่คนที่เลวไปสะหมดทุกด้าน ดังนั้นคนที่ที่มีเพศสัมพันธ์เเละความสัมพันธ์มากกว่าคนหนึ่งคน คงไม่ใช่คนที่เลวไปสะทุกอย่างเข่นเดียวกัน
ชั้นได้รับรู้เเละเข้าใจถึงความคิดทำนองนั้นเเละชั้นก็ไม่ได้คิดว่า คนที่ไม่เชื่อเรื่องการมีผัวเดียวเมียเดียว หรือ มีความสัมพันธ์ทางเพศกับคนหลายคนเป็นเรื่องที่เลวร้่ายยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกที่ชั้นเคยพบเจอ...
แต่ในขณะเดียวกัน ชั้นก็ยังยอมรับไม่ได้เต็มร้อยกับความสัมพันธ์ที่จะต้องมีหลายคู่ ถึงเเม้ว่ามันอาจจะเป็นเเค่เรื่องความต้องการทางเพศ เเละ ความพอใจ ชั้นยังคงไม่สามารถทนกับความรู้สึกเเบบมนุษย์ ความหึงหวง หรือ การรับรู้ว่า ในขณะที่ชั้นรอเค้าอยู่ เค้ากำลังมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่น มันคงปวดใจเเต่มันก็อาจเป็นไปได้ว่า วันนึงคนเราจะสามารถจำกำจัดความรู้สึกนั้นๆไปได้ เพียงเเต่ว่าเรายังไม่ได้สัมผัสเเละเข้าใจมันอย่างจริงๆ เพราะสังคมเเละวัฒธรรมปลูกฝังเรามาตั้งเเต่รากเหง้าทำให้คนเราทำใจยากที่จะยอมรับกับบางอย่างที่ไม่ได้อยู่ในกรอบความคิดเดิมๆ
ชั้นชอบในความคิดที่เปิดกว้าง มันทำให้เห็นว่าโลกเเห่งความเป็นจริงเเคบเเค่ไหน ประเด็นของชั้นไม่ใช่เรื่องของศีลธรรม มันเป็นเรื่องของอิสระเเละความพอใจ สังคม วัฒนธรรม เเละประสบการณ์ที่พบเจอ ข้อสรุปของชัั้นต่อเรื่องนี้ไม่ได้ตัดสินว่า การมีผัวเดียวเมียเดียวผิดหรือถูก เเต่มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงบนโลกในมุมมองที่เเตกต่าง มนุษย์ปราศจากสิ่งเเวดล้อมก็คือสิ่งมีชีวิตเท่านั้น
2/7/57
รักเเท้ หรือ เเค่ยึดติด
เข้าใจตนเอง ก่อนเข้าใจคนอื่น...
เรื่มต้นจากการเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ฟังให้ตัวเองที่ดีก่อน การเข้าใจผู้อื่นคงไม่ใช่เรื่องยาก มีบทความนึงที่อ่านเเล้วประทับใจในบทความนั้นมีเเง่คิดสอดเเทรกทำให้เราเห็นความเป็นตัวเองกับโลกที่เเวดล้อมไปด้วยสิ่งที่เราสร้างขึ้นเองในหัวของเรา ท่อนหนึ่งของบทความกล่าวว่า "ก่อนที่เราจะออกจากความเจ็บปวดทุกข์ทรมานได้ เราต้องเข้าใจถึงมันก่อน เราเกิดใหม่อยู่ตลอดเวลาเเต่เราต่างหากที่ไม่รู้ตัว เซลล์ในร่างกายคน ตายทุกๆวินาทีเเละเซลล์ใหม่ก็เข้ามาเเทนที่ ในทางเทคนิควิทยาศาสตร์อาจกล่าวได้ว่าเราตายเเละเกิดใหม่อยู่ซำ้ๆตลอดเวลา คนๆหนึ่งสามารถเปลี่ยนไปจากคนเมื่อวานได้เสมอๆ"
เราเองที่เป็นผู้กระทำ ผู้สร้าง ผู้เสพ จากการรับรู้โดยระบบความคิดเดิมๆเเละตอบสนองกับมัน ซึ่งอาจเป็นการยึดติดอย่างหนึ่ง ยิ่งยึดติดมากยิ่งเจ็บปวดมาก" คิดเเบบตรรกกะง่ายๆ..ยกตัวอย่างว่า เรารักเเฟนเรามาก เเต่เเฟนเรามีพฤติกรรมบางอย่างที่เปลี่ยนไปเช่นโกหก มีคนอื่น ฯลฯ เราอาจรับไม่ได้หรืออาจไม่พอใจกับพฤติกรรมเหล่านั้น เเหละนั่นก็เริ่มเป็นสาเหตุทำให้เราให้ความรัก ความสนใจกับเเฟนเราน้อยลงเพราะพฤติกรรมของเขาที่เปลี่ยนไป นั่นหมายความว่าเรายึดติดเเละคาดหวังกับเขาใช่หรือไม่? สิ่งที่เขาทำ เราไม่พึงประสงค์ที่จะได้ยิน ได้เห็น ได้รับรู้ในเเบบนั้นๆใช่หรือไม่? เเละนั่นใช่ความรักที่เเท้จริงหรือไม่? รักที่ไม่มีเงือนไขอาจเป็นรักเเท้ซึ่งอาจมีอยู่จริงหรือไม่ก็ตาม ถ้าเราสามารถรักเขาได้เเบบไม่มีเงื่อนไข โดยไม่ได้ยึดติดกับการกระทำ ไม่ว่าเขาจะมีพฤติกกรรมอย่างไรเเละเราเองก็มีความสุขได้โดยมองจากหัวใจของเขา นั่นอาจเป็นรักเเท้ที่ไม่เปลี่ยนเเปลงตามความยึดติด
อีกหนึ่งตัวอย่าง..เราคบเเฟนเรามาสักพัก เราคิดเเละรู้สึกว่านั่นคือความรักเเละเรารักเขา อีโก้(อัตตา)เเละความรู้สึกผลักดันเรา สร้างความเชื่อใจให้เรา ว่า คนที่เรารักเป็นเเบบนี้ เป็นเเบบนั้นเเละเขาเป็นคนเดิมที่ไม่ต่างจากเมื่อวาน เเละความรักที่คุณให้เขามันคือรักเเท้ เเท้จริงเเล้วมันเป็นเเค่สิ่งยึดติดเท่านั้น บางคนอาจมีความเชื่อที่ว่า เราเกิดมาเพื่อเป็นคู่กัน เป็นคู่เเท้ เเท้จริงเเล้วนั่นอาจเป็นเพราะการกระทำของเขาเเละเราติดผูกกัน ถ้าวันนึงเรามองผ่านการกระทำของคนที่เรารักได้ ไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนเเปลงไปเช่นไรก้ตาม เเต่มองลึกลงไปถึงหัวใจเเละความเป็นตัวตนจริงๆของเขามากกว่า รักที่ไม่มีเงื่อนไขก็สามารถเกิดขึ้นได้ หรือเรียกง่ายๆว่ารักเเท้ การกระทำของบุคคลเปรียบได้กับเปลือกชั้นนอก ถ้าเราไม่ไปตอบสนองกับมัน เเต่เเค่สังเกตผ่านๆกับการะกระทำเหล่านั้น ความรักก็เกิดขึ้นได้กับทุกคน เเม้กระทั่งกับคนที่เราเกลียด
-ขอบคุณที่เข้ามาเเบ่งปันความคิดจากการอ่าน หรือเเสดงความเห็นนะคะ ถ้าพิม์ม์ผิดอย่างใดขอโทษคะ

สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)